เป็นสิ่งที่เราคิดมาตลอดตั้งแต่เข้าบริษัทนี้ จนวันนี้ในที่สุดมันก้มาถึง
เรื่องสะเทือนใจมากที่สุดของเราในปีนี้
วันที่ 30 ตุลาคม 2019
หัวหน้าเรียกเราไปคุยกระทันหันเกี่ยวกับเรื่องสถานการณ์ปัจจุบันของบริษัท
จึงมีคำสั่งจากเบื้องบนจำเป็นต้องสั่งปลดพนักงานจำนวนมาก
แผนกเราโดนเกินครึ่งหนึ่ง
แผนกอื่นก็โดนเช่นกัน
ตอนที่เราได้ยินก็ยังอ้ำๆอึ้งๆ
บริษัทนี้เป็นบริษัทแรกที่เราใช้ชีวิตพนักงานเงินเดือน
ตอนแรกไม่คิดว่าจะอยู่นาน แค่อยากลองใช้ชีวิตพนักงานเงินเดือนดูหลังจากเป็นฟรีแลนส์มาตลอด
รู้ตัวอีกทีก็ติดลม ด้วยสังคมของบริษัทที่ทำให้เราสนุกทุกวันที่ได้ไปบริษัท
เพื่อนร่วมงานที่ดี สนิทกัน หัวเราะกัน บ้าบอกันทุกวันได้
แผนกเราสนิทกันเหมือนเป็นครอบครัว
มีทั้งแม่ พี่สาว น้องชาย ไปไหนไปกัน ร่วมงานกันได้เป็นอย่างดี
ชีวิตส่วนตัวก็สนิทกันคุยกันได้เกือบทุกเรื่อง ทะเลาะกันเหมือนพี่น้อง
จนอยากให้เวลานี้อยู่กับเราตลอดไป..
จนไม่คิดว่าวันนี้มันจะมาถึงไวกว่าที่คิด
ตอนเราได้ยินเราก็ยังแบบ งงๆ กับสถานการณ์และสิ่งที่ได้ยิน
พอฟังจบก็ อืม โอเค เราไม่เป็นไร ถ้าที่พวกเราพยายามมาต้องจบก็ช่วยไม่ได้
มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ ของสถานการณ์ตอนนี้ เราเข้าใจบริษัท
หัวหน้าก็ไม่อยากทำ ประธานก็ไม่อยากทำแบบนี้ ไม่งั้นคงไม่จ้างพวกเรามาหรอก
แต่ตอนท้ายหัวหน้าเรากลับบอกว่า
"ขอร้องล่ะ ช่วยอยู่ต่ออีกนิดได้ไหม แล้วเรามาเริ่มกันใหม่ตั้งแต่ต้น" แล้วก้มหัวให้กับเรา
เราก็เลยตอบตกลงไป งงๆ แบบไม่ทันคิดหน้าคิดหลัง
แผนกเราจาก 7 คน เหลือ 3 คน ..
คือเป็นตัวเลขที่น่าใจหายมาก
อีกทั้งยังไม่ทันได้คิดว่าคนที่เหลืออยู่จะทำงานกันยังไงต่อ
แค่ตอนนี้ก็ไม่พออยู่แล้ว..
ไม่กลัวงานหนัก
ที่กลัวตอนนี้คือ เราคิดถึงคนที่ไม่อยู่แล้วมากกว่า และเราก็เพิ่งตระหนักได้
ตอนที่เจ้านายประกาศรวมทุกคน
เพื่อนร่วมงานที่นั่งข้างเรามาตลอดเริ่มสะอื้น
คนนี้เข้าบริษัทมาพร้อมกันเรา ช่วยกันคิดงานมาตลอด
ไปถ่ายงานที่ไหนก็ไปด้วยกันตลอด
คอยใส่ใจเราตลอด หัวเราะให้กับเรื่องโง่ๆของเราตลอด
เพิ่งคุยกันไปหยกๆว่าเราจะวางแผนงานกันยังไงต่อดี
จากนี้จะไปนี่กันๆ
ที่ผ่านมาก็ไปไหนมาไหนด้วยกันมาหลายที่ความทรงจำเยอะมากๆ
ไปเที่ยว(จริงๆทำงานนะ) ด้วยกันเยอะกว่าเที่ยวกับครอบครัว กับแฟนที่เคยคบมาทุกคนในชีวิตอีก5555
จากนี้คงจะไม่มีอีกแล้ว พอคิดละน้ำตาก็ไหล
ตอนที่ไปถ่ายงานด้วยกันวันล่าสุด 31 ต.ค. ตอนแยกกันหลังเลิกงาน
น้ำตาแบบไหลไม่หยุด
ไม่เคยคิดว่าจะเสียใจกับการสูญเสียอะไรแบบนี้
ปกติถ้าไม่อกหัก หมาตาย ทะเลาะกับครอบครัวก็ไม่ค่อยมีเรื่องให้ร้องหรอกจริงไหม
วันจบโรงเรียนเรายังไม่เศร้าเลย สนิทแค่ไหนก็ยังเจอกันเหมือนเดิม
ถึงจะไม่ได้อยู่บริษัทเดียวกันแล้วเรายังไปเที่ยวกันได้แน่นอน
แต่บรรยากาศในบริษัทที่คอยซัพพอร์ตจิตใจเราให้เรายังอยู่ต่อมันหายไปเยอะเหมือนกัน
ไม่ใช่แค่คนนี้ ยังมีคนอื่น รวมถึงคนแผนกอื่นที่คอยซัพพอร์ตเรามาตลอด
ตั้งแต่เข้าบริษัทวันแรก มาจนถึงวันนี้ พอคิดว่าจะไม่มีคนเหล่านี้อยู่แล้วก็เศร้ามากๆ
บริษัทที่เคยเฮฮากำลังจะกลายเป็นบริษัททั่วไปที่ ที่อื่นก็เป็นเหมือนกัน
แค่มาถึงบริษัททำงาน กลับบ้านก็พอไม่ต้องใส่จิตใจลงไปให้มาก
คือรู้แหละว่าเขาไม่ได้หายไปไหน ยังสนิทกันได้เหมือนเดิม
แต่ก็อดเศร้าไม่ได้ มาจนวันนี้วันที่ 5 พ.ย.
ตื่นมาก็ยังโหวงๆ ยังไปบริษัทและได้เจอกันอยู่ แต่เวลาก็เหลือไม่ถึง 10 วัน
ตอนนี้ก็ดีขึ้นมากแล้วนะ
เดี๋ยวมันก็จะผ่านไปแบบทุกครั้ง
แล้วเราก็สามารถยิ้มให้กับความทรงจำดีๆ แทนที่จะมีน้ำตาให้กับความทรงจำดีๆ :)
Comments