
ทุกคนที่แวะมาที่ฮอกไกโดน่าจะเคยมาที่เมืองซัปโปโร ซึ่งเป็นหลวงของจังหวัดฮอกไกโดกันใช่ไหม ฮอกไกโดขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่มีของกินอร่อย ไม่ว่าจะอาหารทะเล เนื้อวัว เนื้อแกะ ชีส นม เนย ธรรมชาติก็งดงามทั้ง 4 ฤดูกาล โดยเฉพาะฤดูหนาวที่เป็นฤดูได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศญี่ปุ่น
ในบทความนี้เราจะมาแนะนำเมืองออนเซ็นในซัปโปโร ที่นั่งรถจากใจกลางเมืองมาเพียง 1 ชม.เท่านั้น ที่นี่คือเมือง Jozankei(定山渓) ในแพลน 2 วัน 1 คืน ที่นี่สามารถเดินทางได้ง่าย และสัมผัสธรรมชาติได้เต็มที่ ใครที่เป็นชาว bagpack หรือเป็นผู้หญิงที่ชอบเที่ยวตัวคนเดียวก็สามารถเที่ยวสนุกได้อย่างเต็มที่แน่นอน เราเริ่มจากการออกเดินทางที่สถานี Susukino กันเลย!!
DAY1
ออกเดินทางไปโจซังเค!!

ในการเดินทางครั้งนี้เราเริ่มออกเดินทางจากสถานี Susukino โดยนั่งรถบัสสาย Kappa line ค่าบริการอยู่ที่ 1260 เยนต่อเที่ยว จำเป็นต้องทำการจองมาก่อนล่วงหน้านะ สามารถจองได้ที่นี่จ้า

ป้ายรถเมล์นั้นอยู่ตรงหน้าบริเวณทางออกของห้าง cocono susukino เลย สามารถมานั่งรอรถด้านในเพื่อหลบความหนาวได้ แล้วค่อยออกมาขึ้นบัสก่อนเวลา 5 นาทีก็เหลือเฟือ เราทำการจองรถมาแล้วได้นั่งอย่างแน่นอน!!
📍ตำแหน่งของป้ายรถบัส https://maps.app.goo.gl/d5sGcv2jn88ZwN4s9
⚫︎รายละเอียดเพิ่มเติมของรถบัส
Jozankei เมืองออนเซ็นในซัปโปโร

นั่งบัสมาประมาณ 1 ชม.เราก็มาถึงเมืองโจซังเค(定山渓)แล้วจ้า "โจซังเค" (Jozankei) หมายถึง โจซังเคออนเซ็น (定山渓温泉) ซึ่งเป็นเมืองออนเซ็นที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในจังหวัดฮอกไกโด ตั้งอยู่ในเขตมินามิ เมืองซัปโปโร
ประวัติความเป็นมาของเมืองนี้ยาวนานกว่า 160 ปี โดยเมืองออนเซ็นแห่งนี้ถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1866 โดยพระภิกษุที่ชื่อ มิอิซุมิ โจซัง (Miizumi Jozan) ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ "โจซังเค" (Jozankei) ที่มีความหมายว่า "หุบเขาโจซัง" ท่านได้สร้างวัด และพัฒนาพื้นที่นี้ให้เป็นแหล่งออนเซ็นขึ้นมาในภายหลัง ที่เมืองนี้เต็มไปด้วยโรงแรมออนเซ็นจำนวนมาก และยังมีทัศนียภาพที่งดงามอย่างเป็นเอกลักษณ์ของเมือง จนได้รับความนิยมในการมาท่องเที่ยวออนเซ็นของนักท่องเที่ยว

จะเห็นได้ว่าแม่น้ำของเมืองนั้นมีก้อนหิมะกลมๆน่ารัก ไม่เหมือนที่ไหน แค่ชมวิวที่นี่อย่างเดียวก็ฟินแล้ววว

การจัดการของเมืองนั้นยอดเยี่ยม เพราะบริเวณทางเดินหลักของเมืองนั้นเดินท่อน้ำอุ่นเอาไว้ จึงไม่มีหิมะก่อตัวสะสม ทำให้เดินง่าย ไม่ลื่นเลย ใส่ใจนักท่องเที่ยวอยู่ผู้คนที่นี่มากๆ

บรรยากาศของเมืองที่ปกคลุมด้วยหิมะสีขาว คู่กับแม่น้ำ และสะพานแดง เป็นภาพที่งดงามสามารถชมได้ในเมืองซัปโปโร
มีน้องกัปปะเป็นสัญลักษณ์ของเมือง

มาถึงที่นี่แล้วจะสังเกตุเห็นรูปปั้นกัปปะเป็นจำนวนมาก แม้แต่รถบัสที่นั่งมายังเป็นชื่อกัปปะเลย ที่เมืองโจซังเคมีกัปปะ ที่เป็นสัตว์ในตำนานของญี่ปุ่นเป็นลักษลักษณ์ประจำเมืองทำให้เราสามารถพบเห็นกัปปะได้ทั่วทุกหนแห่งเลย

เป็นเรื่องเล่าในสมัยก่อนเกี่ยวกับกัปปะ ที่เล่าขานกันมาตั้งแต่สมัยเมจิ ว่ามีหนุ่มน้อยตกปลาที่แม่น้ำโทโยฮิระอยู่ดีๆก็หายไปในแม่น้ำ หลังจากนั้นผ่านไป 1 ปี พ่อของเด็กที่หายตัวไปได้ฝันเห็นลูกของเขา ในความฝันลูกชายมาบอกพ่อว่า “มีกัปปะผู้หญิงหลงรักเขา จึงแต่งงาน และตอนนี้มีลูก 3 คน ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข”
หลังจากนั้นที่นี่จึงถูกเรียกว่า “แม่น้ำกัปปะ” จากนั้นก็ถูกเล่าต่อกันมาจนปัจจุบัน และยังมีเทศกาล JOZANKEI NATURE LUMINARIE งานไฟอิลลูมิเนชั่นที่เป็นการเชิญชวนให้กัปปะกลับสู่ธรรมชาติ จัดขึ้นในฤดูร้อนของทุกปี

เรื่องเล่าในตำนวนนี้จึงทำให้กัปปะกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโตซังเคไป แม้แต่รถบัสที่วิ่งในเมืองก็เป็นกัปปะน่ารักมาก หลังจากที่เราเล่าเรื่องตำนวนกัปปะของโจซังเคกันมาพักนึงแล้ว เราไปเริ่มเดินเล่นในเมืองกันต่อดีกว่า
ศาลเจ้าโจซังเค

เดินจากบริเวณหลักของเมืองมาเล็กน้อยก็จะพบกับศาลเจ้าโจซังเค ที่นี่มีชื่อเสียงในการชมใบไม้เปลี่ยนสี และยังมีเทศกาลโคมหิมะที่เปล่งประกายในยามค่ำคืนอย่างดงามในช่วงฤดูหนาวของทุกปี น่าเสียดายที่ตอนเรามายังไม่มีการจัดงาน และทางเดินขึ้นศาลเจ้าถูกทับถมด้วยหิมะ เลยอดเดินขึ้นไปดูเลย (พยายามเดินเท่าไหร่ก็เป็นสไลด์เดอร์ลงมาจ้า)

รายละเอียดของงานเทศกาลในปี 2025
ระยะเวลางานเทศกาล: 25 ม.ค.-1 ก.พ.
ช่วงเวลางาน: 18:00-21:00
ค่าเข้าชม: 500 เยน (ต่ำกว่าเด็กมัธยมปลายฟรี)
ตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มที่เว็บไซต์ทางการ: https://jozankei.jp/en/event/yukitouro2025/
Jozankei Tourist infomation center

ระหว่างทางเราก็เดินผ่าน Jozankei Tourist infomation center เลยแวะเข้ามาสอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวของเมืองซักหน่อย หากมีคำถาม หรือต้องการคำแนะนำการท่องเที่ยวเมืองโจซังเคลองแวะมากันดูนะ

ภายใน Jozankei Tourist infomation center มีสินค้าของที่ระลึกต่างๆของเมืองจำหน่ายอยู่ด้วย และนี่คือคาแรคเตอร์กัปปะประจำเมืองโจซังเค ชื่อ “กัปปง” น่ารักไหมเอ่ยยยย ซื้อกลับไปเป็นที่ระลึกได้ด้วยนะ
เว็บไซต์ทางการ Jozankei Tourist infomation center: https://jozankei.jp/en/

เมื่อได้ข้อมูลการท่องเที่ยวแล้ว พอเราออกมาจากหน้า Jozankei Tourist infomation center ก็จะพบกับป้าย Jozankei Onsen ซึ่งที่นี่เป็นสวนสาธารณะที่ดูแลจัดการโดยรัฐบาล ตามจุดต่างๆของที่นี่เลยมีบ่ออนเซ็นให้ใช้บริการฟรีเตรียมไว้ให้ด้วยนะ อย่างที่ในรูปนี้คือบ่อออนเซ็นมือจ้า ใครหนาวมือก็จุ่มตรงนี้ได้เลย น้ำร้อนมากกกก สมกับเป็นแหล่งออนเซ็น

ฝั่งตรงข้ามของถนนก็ยังมีบ่อออนเซ็นเท้าให้ใช้บริการฟรีด้วย สามารถมาใช้บริการได้ฟรี แต่นำผ้าเช็ดเท้ามาเองด้วยนะ ไม่งั้นเท้าแข็งตายเลยนะ
แวะทานพาเฟ่ต์ที่ OKAMI Pafait(オオカミパフェ)

ใกล้ๆกับออนเซ็นเท้าเราจะพบกับ OKAMI Pafait(オオカミパフェ) เป็นร้านคาเฟ่พาเฟ่ต์สุนัขจิ้งจอก น่ารักน่าสนใจเลยลองเข้ามาแวะทานซะหน่อย

บรรยากาศในร้านให้ความรู้สึกอบอุ่นสไตล์ดั้งเดิมญี่ปุ่น ผสมกับความน่ารักของยุคสมัยใหม่ลงไป ที่นั่งเป็นโต๊ะนั่งพื้นบนเสื่อทาตามิ แต่ขนมที่ทานกับบริเวณเคาท์เตอร์นั้นเป็นขนมสไตล์พาเฟ่ต์ที่เป็นขนมยุคสมัยใหม่ ให้บรรยากาศที่อบอุ่นกันได้อย่างลงตัว

เราสั่งเมนูพาเฟ่ต์ทีรามิสุ ชั้นล่างมีไอศครีมกับมูสที่หวานน้อย ผสมผสานความอบอุ่นของชั้นกาแฟ และชั้นเย็นของไอศครีมมาได้อย่างลงตัว ด้านบนเป็นก้อนครีมชีส ประดับด้วยครีมเล็กน้อยคู่กับคุกกี้สุนัขจิ้งจอก พอทานเจ้าก้อนครีมชีสคู่กับทีรามิสุจะช่วยเพิ่มรสเปรี้ยวและความมันของนมเข้าไปอีก อร่อยมากๆเลย

ที่ร้านนี้เป็นร้านพาเฟ่ต์ที่ทำโดยปาติซิเย เชฟทำขนมเลย โดยกลุ่ม MILK MUSTACHE ซึ่งแปลตรงตัวว่าหนวดนม เป็นหนวดที่เกิดขึ้นหลังจากทานนมอย่างเอร็ดอร่อย ซึ่งกลุ่มนี้เค้าทำผลิตภัณฑ์นมอย่างจริงจังให้ออกมาอร่อยจนคนดื่มนั้นดื่มอย่างเอร็ดอร่อยจนเกิดเป็นหนวดขึ้นนั่นเอง

โดยใช้นมจากวัวที่ไร้ความเครียด เพราะเป็นวัวที่ถูกเลี้ยงแบบปล่อยให้อยู่ตามธรรมชาติ จึงออกมาเป็นนมที่มีความครีมมี่ เข้มข้นและหอมหวาน ไม่มีการแต่งกลิ่นแต่งสี ปราศจากสารเจือปน ได้รู้แบบนี้แล้วถึงว่าทำไมพาเฟ่ต์ที่ร้านนี้อร่อยจังเลย ไม่ว่าจะเมนูไหนก็น่ารักน่าทานทั้งนั้นเลย ใครมาที่เมืองโจซังเคอยากให้ลองแวะมาทานดู ราคาก็ไม่แพงด้วย อร่อยมากกก
รายละเอียดร้าน OKAMI Pafait
เวลาทำการ: 10:00-17:00 (หยุดวันอังคาร)
Instagram: https://www.instagram.com/ookami_parfait2024
เล่นหิมะในทัวร์กิจกรรม Snow Shoes ที่ OUTDOOR BASE FRILUFTSLIV

หลังจากที่ท้องอิ่มแล้วเราก็มาออกกำลังกันซักหน่อย กับกิจกรรมการสนุกกับหิมะที่ OUTDOOR BASE FRILUFTSLIV(野あそびベース777) ที่นีมีกิจกรรม out door มากมาย ทั้งพายเรือแคนูในแม่น้ำ ทัวร์ปีนเขา ชมธรรมชาติต่างๆ และในครั้งนี้เราจะมาร่วมทัวร์ Snow shoes กัน!! เป็นกิจกรรมที่แม้คนไม่เล่นสกี สโนบอร์ด กีฬาหิมะทั้งหลาย ก็สามารถสนุกกับหิมะได้ อย่างเราเองเล่นสกี กับสโนบอร์ดไม่ได้ก็สนุกกับกิจกรรมนี้มากๆ

ทัวร์จะแบ่งออกเป็นรอบๆ พอใกล้ถึงรอบที่จองไว้ก็แจ้งไซส์รองเท้ากับเจ้าหน้าที่ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะนำรองเท้าบูทสำหรับใส่เดินลุยหิมะกับ snow shoes มาให้เราใส่ ในกิจกรรมนี้จะมีผู้ร่วมเดินทางในทัวร์ด้วยกันหลายคน มาคนเดียวก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะมีเพื่อนในกิจกรรมนี้
รอบของกิจกรรมสามารถตรวจสอบรายละเอียดได้ที่หน้าเว็บไซต์ทางการ

เมื่อใส่ snow shoes แล้วจะเป็นแบบนี้ ตัวบูทหนังที่ใส่ตอนแรกมีความแข็งมาก ไม่สามารถจะพับข้อเท้าได้ เลยได้รู้ว่าเป็นการป้องกันข้อเท้าไม่ให้พลิกไปในตัวด้วย ส่วน snow shoes นั้นจะเดินลำบากในตอนแรกนิดหน่อย พอชินแล้วไม่อยากถอดออกเลย!!
พอใส่รองเท้าเสร็จเรียบร้อยทุกคนแล้วเจ้าหน้าที่ก็จะพาเดินทัวร์ตามรูทเลย!!

ในรูทการเดินนั้นจะเป็นเส้นทางป่า ที่รองเท้าปกติไม่สามารถเดินได้แน่นอน เนินหิมะสูงนิดหน่อยรองเท้าหิมะแบบไหนก็ไม่สามารถเดินได้แล้ว แต่เจ้าตัวนี้เดินได้สบาย จะปีน จะโดดลงก็ได้ทั้งนั้น แล้วเราก็เดินมาถึงสะพานแดงที่เป็นจุดถ่ายรูปสวยๆในทัวร์ครั้งนี้

เราจะได้ยืนตรงกลางสะพานแดง แล้วเจ้าหน้าที่จะใช้โดรนบินขึ้นไปเก็บภาพให้กับทุกคน ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ขอบอกเลยว่าสวยมากกกกก ได้วิวตัวเองคู่กับธรรมชาติ ใครอยากเห็นวิดิโอเข้ามาดูได้ในไอจีเรานะ 55555

ตัวอย่างภาพจากโดรนที่เจ้าหน้าที่ในทัวร์เป็นผู้เก็บภาพ
*เป็นบริการออพชั่นเสริมในทัวร์
*บริษัททัวร์ได้มีการขออนุญาติบินโดรนถูกต้องตามกฏหมายในประเทศญี่ปุ่น

วิวธรรมชาติ แม่น้ำที่เริ่มแข็งตัวกลายเป็นน้ำแข็ง และมีหิมะปกคลุม


จะมีจุดที่เจ้าหน้าที่ให้นั่งพักปิ้งมาชเมลโล่และจิบชาอุ่นๆ ที่ไม่รีบดื่มก็จะเย็นทันที และยังมีคุกกี้กับช็อกโกแลตมาให้ประกบกับมาชเมลโล่เพื่อทำเป็น smore ทานสดๆด้วย อร่อยมากกก

กิจกรรมนี้ขอบอกเลยว่าสนุกมาก ได้เล่นหิมะฟูแบบไม่ต้องกลัวล้ม ต่อให้ล้มหิมะก็ฟูนุ่มมาก ใครมาทัวร์นี้อย่าลืมแต่งตัวให้อบอุ่นไว้นะ เพราะระหว่างทัวร์อยู่กลางธรรมชาติหนาวๆเลยจ้า
นอกจากกิจกรรม snow shoes แล้วยังมีกิจกรรมฤดูหนาวอื่นๆ ให้สนุกอีกเพียบ ตรวจสอบได้ที่หน้าเว็บไซต์ด้านล่างนี้เลยจ้า
รายละเอียด OUTDOOR BASE Friluftsliv
รายละเอียดทุกกิจกรรม: https://www.friluftsliv.website/english/
เข้าพักที่โรงแรม Hatagoya Jozankei Shoten โรงแรมดีๆ ที่สาวคนเดียวก็พักได้อย่างสบายใจ!!

หลังจากจบกิจกรรมแล้วเราก็กลับมายังที่พักของเราในคืนนี้ ที่นี่คือ Hatagoya Jozankei Shoten(旅籠屋定山渓商店) โรงแรมที่ใช้อาคารเก่ารีโนเวทขึ้นมาใหม่จนกลายเป็นโรงแรมที่สวยงาม หรูหรา น่าพักมาก มีห้องพักแบบเหมาะมากันสาวๆ หรือคู่รักสวีท และห้องแบบ domitory ให้ bagpacker มาพักได้แถมยังมีออนเซ็นให้แช่ จะมีโรงแรมออนเซ็นกี่แห่งเชียวที่สามารถมานอนพักคนเดียวได้อย่างสบายใจแบบนี้!!

พอเข้ามาในโรงแรมก็จะพบกับเลาจ์ที่สวยงาม เป็นพื้นที่ผู้พักสามารถมาใช้งานได้อย่างอิสระ จะนั่งชมหิมะ หรือรับ welcome drink แล้วมานั่งพักผ่อน และยังมีกิจกรรมเกมต่างๆวางไว้ให้เล่นอย่างอิสระด้วย

ห้องพักที่เราพักในคืนนี้เป็นแบบ domitory สำหรับสุภาพสตรีเท่านั้น ในห้องหนึ่งจะมีผู้ร่วมพักด้วยทั้งหมด 3 คน(รวมเราแล้ว) มีห้องที่มีกำแพงกั้นแบ่งเอาไว้ และมีม่านปิดตรงทางเข้า ผู้ที่ต้องการมาพักผ่อนง่ายๆคนเดียวสะดวกมากๆ แถมราคาก็สบายกระเป๋า
*ตรวจสอบราคาห้องพักได้ที่หน้าเว็บไซต์ทางการ

ในห้องของตัวเองก็จะเป็นแบบโรงแรมแคปซูลเลย มีหมอน ผ้าห่ม ทีวี ปลั๊กไฟ ที่แขวนเสื้อ น้ำดื่ม ของใช้ที่จำเป็นขั้นพื้นฐานเตรียมไว้ให้ทั้งหมด

มีพัดลมอันเล็กๆ ที่อุดหู ปลั๊กไฟ 2 ตำแหน่ง ชาร์ตแบตพอแน่นอนมีมาให้เยอะขนาดนี้

มีหูฟังไว้ให้สำหรับผู้ที่ต้องการดูทีวี

ปลั๊กไฟและสวิตจ์ไฟในห้องตัวเองบริเวณหัวเตียง

ส่วนใครที่ต้องการเก็บของมีค่าที่สำคัญมากๆ ก็มีตู้สำหรับใส่ของมีค่าให้เล็กๆอันหนึ่งบริเวณปลายเตียง เราจะได้กุญแจมาพร้อมกับกุญแจห้อง

สัมภาระทั้งหมด กระเป๋าเดินทาง รองเท้า สามารถวางไว้ที่ใต้เตียงได้เลย พื้นที่กว้างมาก กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ก็เข้าไปสบายๆ หลังจากถอดรองเท้าแล้วสามารถใส่สลิปเปอร์ที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ให้เดินในโรงแรมได้เลย

ภายในห้องพักมีอ่างล้างหน้าให้ 3 อ่าง และมีห้องน้ำให้ 2 ห้อง ตอนเช้าแม้จะยุ่งแค่ไหนก็ไม่ต้องกลัวแย่งกันใช้งานแน่นอน
เอาล่ะเรามาปลอดล็อคสัมภาระที่โรงแรมแล้ว ขอแวะไปเดินเล่นแถวๆข้างโรงแรมต่ออีกนิด
แวะไปเดินเล่นที่ Yama no Kaze Machi ใกล้โรงแรม

ที่บริเวณข้างโรงแรมมีพื้นที่ใหม่มาเปิดชื่อว่า Yama no Kaze Machi(ヤマノ風マチ) เป็นพื้นที่น่ารักๆรวมกิจกรรมต่างๆไว้ให้ทำมากมาย มีทั้งคาเฟ่ ออนเซ็นเท้าที่สามารถใช้บริการได้ฟรี ร้านของของที่ระลึกน่ารัก

ร้านอาหารแนว smoky ก็น่าอร่อยมากๆ

เราเลยลองแวะมาที่ร้านเบเกอร์รี่ Exclamation Bakery ซะหน่อย

ที่นี่บรรยากาศน่ารักมาก ที่นั่งภายในร้าน สามารถมองเห็นวิวหิมะได้เกือบทั้งหมดเลย เป็นหน้าต่างบานใหญ่ทั้งที่นั่งชั้น 1-2

เมนูของร้านจะเป็นขนมปังทรงกลมประกบกันด้วยหน้าต่างๆ มีทั้งแบบคาวและแบบหวาน


ขนมปังแบบคาวก็เลือกใช้วัตถุดิบอร่อยๆของฮอกไกโดในการทำ มีทั้งขนมปังและทาร์ต


เมนูของหวานก็น่าทานไม่แพ้กัน อันไหนก้น่าอร่อยทั้งนั้นเลยยย

แต่ตอนนี้แอบหิวข้าวนิดนึงเลยสั่งแบบคาวมาทานคู่กับกาแฟร้อนซักแก้วให้คลายหนาว นั่งทานขนมปังอร่อยๆไปพร้อมกับชมวิวหิมะ ให้บรรยากาศชิวมากๆ
รายละเอียดร้าน Exclamation Bakery
เวลาทำการ: 10:00-17:00 (หยุดวันพุธ)
Instagram: https://www.instagram.com/excl.pan/


ตอนกลางคืนก็มีการจัดไฟอิลลูมิเนชั่นน่ารักๆด้วย ได้บรรยากาศโรแมนติกสวยไปอีกแบบบ
กลับมาแช่ออนเซ็นที่โรงแรมให้ร่างกายอบอุ่นก่อนทานข้าวเย็น

หลังจากไปเดินเล่นกลับมาก็เข้าแช่ออนเซ็นก่อนทานข้าวเย็น บ่อมีให้เลือกเยอะมาก น้ำออนเซ็นธรรมชาติของแต่ละบ่อจะอุณหภูมิไม่เท่ากัน ทริคในการแช่ออนเซ็นต้องค่อยๆปรับอุณหภูมิร่างกาย เริ่มจากบ่อน้ำไม่ร้อนมาก แช่เท้าละค่อยๆลงไปทั้งตัว ไม่ฝืนร่างกายนะ เมื่อร่างกายได้ที่จะได้ผ่านคลายอย่างเต็มที่

ที่นี่มีบ่อออนเซ็นกลางแจ้งด้วย สามารถแช่บ่อข้างนอกท่ามกลางหิมะและอากาศติดลบได้แบบฟินๆเลย ถ้าใครมาแช่ตอนเช้าก็จะได้เห็นวิวสวยๆตอนกลางวันแบบนี้ด้วยนะ

หลังจากแช่ออนเซ็นเราแล้วเราก็เปลี่ยนชุดเป็นชุดที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ให้ เปลี่ยนชุดแล้วลองนั่งให้ดู ว่าห้องมันไม่เล็กขนาดนั้น เตียงเดี่ยวที่กว้างนิดนึง นอนสบายๆเลยจ้า
พอเราเตรียมตัวเรียบร้อยแล้วก็ไปที่ห้องอาหารชั้น 1 กันเลย
มื้อเย็นของโรงแรมเป็นเนื้อย่าง!!

แม้จะมาเที่ยวโรงแรมออนเซ็นคนเดียวก็สามารถทานข้าวเย็นได้อย่างสบายใจ ปกติโรงแรมออนเซ็นทั่วไปมักจะเสิร์ฟอาหารชุดใหญ่ที่หรูหราทานกันในห้องอาหารที่ครึกครื้นใช่ไหม แต่ที่นี่เค้ามีเตรียมที่นั่งสำหรับนั่งทานคนเดียวไว้ให้ด้วย!! แถมเมนูอาหารเย็นก็เป็นปิ้งเนื้อย่างทานคนเดียวจ้า ไม่ต้องกังวลเลย ปิ้งย่างเองได้อย่างสนุก สบายใจ ไม่มีคนมาแย่งทานแน่นอน ใครที่มากันหลายคนทางโรงแรมก็เตรียมอาหารไว้ให้แบบเป็นคนละเซ็ตเลย

อาหารจะนำมาเสิร์ฟไว้เป็นถาดทั้งหมด 6 ถาดด้วยกัน มีผักเครื่องเคียง สลัดผัด เนื้อวัว เนื้อหมู และเนื้อจิงกิสขาน(เนื้อแกะ)

เราสามารถค่อยๆไล่ทานที่ละถาด เพื่อลิ้มรสเนื้อวัวทีละส่วน ซอสที่เตรียมไว้ให้ก็มีครบทั้งซอสเสื้อย่าง เกลือ วาซาบิ โชยุ พร้อมคำอธิบายว่าเนื้อชนิดนี้ควรจิ้มกับอะไรถึงจะอร่อย



กินหมดนี่คนเดียวอิ่มๆเลยจ้า แถมยังสามารถขอขนมหวานจากทางโรงแรมเพื่อล้างปากปิดท้ายได้ด้วยนะ
โรงแรมที่มีสาเกให้เลือกมากกว่า 100 ชนิด!!

อีกหนึ่งจุดเด่นของโรงแรมนี้คือ ที่นี่มีสาเกญี่ปุ่นอร่อยๆเตรียมไว้มากกว่า 100 ชนิดทั่วประเทศญี่ปุ่น คุณสามารถสั่งได้ที่เคาท์เตอร์เครื่องดื่มบริเวณหน้าห้องอาหารชั้น 1 และยังมีอาหารทานเล่นให้เลือกด้วย หลังจากสั่งเครื่องดื่มหรืออาหารทานเล่นมานั่งตามพื้นที่โรงแรมจัดเตรียมให้ตรงไหนก็ได้เลย

จากบริเวณเลาจ์ของโรงแรมเราจะสามารถมองเห็นขวดเหล้าสาเกประดับโชว์บนกำแพงจำนวนมาก และยังมีห้องลับของสาเกอีกด้วย หากต้องการดูสาเกในห้องนั้น สามารถเรียกพนักงานมาให้เปิดได้

บริเวณพื้นที่ด้านในสามารถมานั่งเล่นนอนเล่น หรือนำเครื่องดื่มที่ซื้อมาดื่มได้ด้วย

บริเวณนี้มีตู้คล้ายๆห้องแคปซูลด้วย จะมานอนเล่นตรงนี้ก็ได้เช่นกัน

สาเกมีให้เลือกหลากหลายมาก ผู้ที่มาพักแรมที่นี่มักจะเลือกสาเกหลายชนิดมาดื่มเทียบกัน
DAY2
อาหารเช้าโรงแรมสไตล์ชาวฮอกไกโด

เริ่มต้นวันที่ 2 ของทริปโจซังเค เมืองซัปโปโรด้วยอาหารเช้าที่โรงแรม สามารถเลือกเมนูหลักได้ว่าจะทานข้าวต้มหรือข้าวแกงกะหรี่ และยังมีบุฟเฟ่ต์สลัดผัดอร่อยๆของฮอกไกโด และมันฝรั่งนึ่ง ที่สามารถโรยเนยกับชิโอะคาระ(เครื่องในปลาดอง) ได้ไม่อั้น
และยังมีน้ำผลไม้ กับนมฮอกไกโดอร่อยๆให้ดื่มไม่อั้นด้วย

มันฝรั่งของฮอกไกโดนั้นหวานมาก อร่อยกว่าทุกจังหวัดในญี่ปุ่นจริงๆ สามารถทานได้ไม่อั้นขนาดนี้ ยอมอ้วนวันหนึ่งก็คุ้มนะ แถมเนยฮอกไกโดก็อร่อยกว่าจังหวัดอื่นมากๆ เพราะเค้าเป็นแหล่งเพาะพันธุ์วัวด้วย และอากาศดีของในฮอกไกโด กับธรรมชาติที่สวยงามก็ยิ่งทำให้วัวที่ฮอกไกโดนั้นมีความสุข

เมนูมันฝรั่งเราจะโรยเนยเท่าไหร่ก็ได้ เนยของฮอกไกโดกับมันฝรั่งฮอกไกโดนั้นอร่อยจริงๆ

เมนูอาหารหลัก เราเลือกข้าวต้มมา ถูกเสิร์ฟคู่กับซุปมิโซะและผักดอง ข้าวต้มของที่นี่ทำอร่อยมาก ประทับใจเลยยยย
หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จอยากจะนอนอืดที่ห้องพักต่อก็ได้ เพราะที่นี่เช็คเอาท์เที่ยง!! เป็นโรงแรมที่สามารถมาใช้บริการได้คุ้มจริงๆ ใครหาที่พักออนเซ็นดีๆ มาคนเดียวก็พักได้ง่ายแนะนำที่นี่เลยจ้า
รายละเอียดโรงแรม Hatagoya Jozankei Shoten
Check-in 16:00
Check-out 12:00
Instagram: https://www.instagram.com/jozankei.shoten/
เว็บไซต์ทางการ: https://jyozankei-shoten.com/
เดินเล่นที่สวน Jozankei Futami Park

หลังจากนอนพักผ่อนเต็มที่แล้วเราก็ลงมาเดินเล่นที่สวน Jozankei Futami Park(定山渓二見公園) เป็นสวนสาธารณะที่สามารถชมวิวของแม่น้ำและสะพานแดงกัปปะในตำนาน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโจซังเคได้

เดินตามทางเดินของสวนจะสามารถชมวิวหิมะก้อนกลมกับแม่น้ำน่ารักๆแบบนี้ได้

หรือจะเดินเล่นถ่ายรูปวิวหิมะก็สวย ใครเดินลุยหิมะไหวลองเดินไปถึงสะพานแดงกันนะ ช่วงที่เราไปหิมะค่อนข้างเยอะ และไม่ได้ถูกจัดระเบียบทางเดินไว้จึงค่อนข้างไปลำบากนิดนึง

บริเวณสวนก็จะพบกับก็อกน้ำกัปปะ และรูปปั้นกัปปะซ่อนอยู่มากมาย หากเจอกัปปะแล้วลองถ่ายรุปเก็บไว้กันดูนะ

จากบริเวณสวนหากมองขึ้นไปจะพบกับที่แช่ออนเซ็นเท้าที่เพิ่งเปิดใหม่

วันที่เราไปเปิดวันแรกพอดีเลย มีน้องกัปปงมาต้อนรับด้วย

ภายในอาคารสวยมาก ตัวอาคารตั้งอยู่บนเนินเขาจึงทำให้สามารถแช่เท้าไปและชมวิวหิมะและแม่น้ำได้จากที่สูง ที่สำคัญที่นี่สามารถใช้บริการได้ฟรีจ้า

และที่นี่ก็ตู้ขายผ้าขนหนูให้ด้วย ราคา 300 เยน ไม่ได้พกผ้ามาก็สามารถซื้อได้ที่นี่
tocchan cafe

หลังจากเดินถ่ายรูปชมวิวธรรมชาติของเมืองโจซังเคออนเซ็นเรียบร้อยก็แวะมาทานของว่างที่ร้าน tocchan cafe(ทตจัง) เป็นคาเฟ่ที่ทุกอย่างเป็นแมวทั้งหมด เพราะเจ้าของร้านชอบแมวนั่นเอง คุณสามารถสั่งเซ็ตโทสต์แมวมาปิ้งทานสดๆที่โต๊ะได้ พร้อมแยมผลไม้ 2 ชนิดและเนย 1 ก้อนมาให้ทานคู่กับขนมปังรูปแมวแสนอร่อย

ปิ้งสดๆที่ที่นั่งเลยแบบนี้ คอยควบคุมความแรงของไฟด้วยนะ ระวังน้องไหม้ด้วย


นอกจากนี้ก็มีไอศครีมขายด้วย กาแฟและชา เมนูมาตรฐานของร้านคาเฟ่ก็มีครบ ทุกอย่างมีรูปแมวติดอยู่ดูน่ารักมากๆเลย ร้านอยู่ตรงใจกลางเมืองเลย สามารถเดินมาได้ง่ายสะดวก ระหว่างรอรถบัสก็ลองแวะมากันได้นะ
รายละเอียด tacchan cafe
เวลาทำการ: 10:00-17:00 (หยุดวันจันทร์/อังคาร)
เว็บไซต์ทางการ: https://tocchancafe.com/
แวะซื้อของฝากก่อนกลับและทำไข่ออนเซ็นทานที่ร้านขายของฝากโจซังเค(定山渓物産館)

หลังจากสนุกกับกิจกรรมมาเกือบเต็มๆ 2 วันแล้ว ก่อนกลับจากโจซังเคเราก็มาแวะซื้อของฝากที่ร้านขายของฝากโจซังเค(定山渓物産館) ที่นี่มีขายของฝากเมืองโจซังเคครบ และหลากหลายมาก

ขนมชิมาเอะนากะ นกตัวกลมแสนน่ารักของฮอกไกโด เป็นขนมแป้งกรอบสอดไส้ครีมไวท์ช็อกโกแลต หน้าตาน่ารักเหมาะสำหรับซื้อไปแจกให้คนรู้ว่าเรามาฮอกไกโดจริงๆนะ

ขนมพาย Memorial pure Chocolate pie ของโจซังเค พายไซส์พอดีคำ ทานง่าย แจกง่าย

Jozakei Baked Chocolate บิสกิตกรอบรสช็อกโกแลตสอดไส้ครีม แพ็คเกจเป็นลายกัปปะ รู้เลยทันทีว่าของฝากเมืองโจซังเคแน่นอน

เมืองออนเซ็นจะพลาดขนมมังจูได้ยังไง ที่โจซังเคก็มีมังจูออนเซ็นเช่นกัน ตรงกลางเป็นลูกเกาหลักขนาดใหญ่ ข้างในสอดไส้ถั่วแดงล้นๆ ขนมถูกห่อชิ้นต่อชิ้น สามารถนำไปแจกได้ง่ายเช่นกัน

หรือจะซื้อตุ๊กตากัปปงไปเป็นที่ระลึกก็ได้นะ มีหลายไซส์ให้เลือก

และอีกหนึ่งกิจกรรมที่เราสามารถทำได้ที่นี่คือซื้อไข่ดิบจากร้านขายของฝากไปที่บ่อออนเซ็น Jozan Gensen Park(定山源泉公園) เจ้าหน้าที่จะบอกว่าให้เราคอยเฝ้าไข่ที่ต้มไว้ เพราะบางทีนกมาคาบไปจ้า

พอเรามาถึงบ่อก็นำถุงไปแขวนกับไม้ แล้วตั้งเวลารอเลย 17 นาที ระหว่างนี้จะเฝ้าจริงๆ หรือจะไปเดินเล่นบริเวณในสวนแห่งนี้ก็ได้

แอบไปเดินเล่นแปปนึง วิวแถวนี้ก็สวยมาก

แถมมีบ่อออนเซ็นเท้าให้แช่ด้วย ตรงนี้ก็แช่ฟรีเช่นกันจ้า แต่น้ำร้อนมากๆเลยนะ สมกับเป็นต้นน้ำออนเซ็น

หลังจากที่รอไข่ครบ 17 นาทีก็นำไข่กลับไปที่ร้านขายของฝาก เจ้าหน้าที่จะนำถ้วยมาให้ตอกไข่ใส่ พร้อมกับเกลือที่อร่อยมาก ไข่ออนเซ็นสดๆร้อนๆ กับเกลือดีๆ แค่นี้ก็อร่อยแล้ว
ขากลับเราก็นั่งรถบัส Kappa line กลับเช่นเดิมเลย ทำการจองก่อนล่วงหน้าแล้วขึ้นตามเวลา

เป็นอย่างไรกันบ้างกับเมืองออนเซ็นใกล้เมืองหลักซัปโปโร มาที่นี่ได้ทั้งเที่ยวออนเซ็น ชมธรรมชาติ และเล่นหิมะได้ฉ่ำๆเลย เดินทางจากตัวเมืองหลักแค่ 1 ชม. จะไปเช้าเย็นกลับหรือค้างคืนแบบในแพลนของเราครั้งนี้ก็สนุกทั้งนั้น แต่ไหนๆก็มาเมืองออนเซ็นแล้วเราแนะนำให้ค้างซักคืนนะเพื่อความชิว มาเที่ยวคนเดียวก็สนุกได้ในครั้งหน้าหากมาเที่ยวซัปโปโรลองแวะมาที่โจซังเคกันดูน้า
Sponsored by JOZANKEI
Comments